ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่า ควรที่จะต้องมีองค์กรใหม่ที่ดูแลและจัดการเรื่องการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์พืช (Seed Hub)
 
pollcode.com free polls
 








E-Newsletter(1),
มกราคม - มีนาคม 2558

E-Newsletter(2),
เมษายน - มิถุนายน 2558

E-Newsletter(3),
กรกฎาคม - กันยายน 2558

E-Newsletter(4),
ตุลาคม - ธันวาคม 2558

E-Newsletter(1),
มกราคม - มีนาคม 2559

E-Newsletter(2),
เมษายน - มิถุนายน 2559

E-Newsletter(3),
กรกฎาคม - กันยายน 2559

E-Newsletter(4),
ตุลาคม - ธันวาคม 2559

อ่านฉบับย้อนหลัง
 
 
 
 
       
 
ความทั่วไป สมาชิก การดำเนินกิจการสมาคม การประชุมใหญ
การเงินและทรัพย์สิน การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับและการยกเลิกสมาคม บทเฉพาะกาล

หมวดที่ 1

ความทั่วไป

 
ข้อ 1 สมาคมนี้มีชื่อว่า สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย ใช้อักษรย่อว่า ส.ม.ท. มีชื่อภาษาอังกฤษว่า SEED ASSOCIATION OF THAILAND ใช้อักษรย่อว่า S.A.T.
ข้อ 2 เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูปวงกลมซ้อนอยู่ในรูปสามเหลี่ยม ภายในวงกลมเป็นภาพมือและเมล็ดพันธุ์หลายๆ ชนิด โดยมีพื้นหลังเป็นภาพแผนที่ประเทศไทย มีชื่อสมาคมเป็นภาษาไทย สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย ด้านบนที่เหลืออีกสองด้านมีชื่อสมาคมเป็นภาษาอังกฤษ SEED ASSOCIATION OF THAILAND

ภาพมือและเมล็ดพันธุ์มีความหมายเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเมล็ดพันธุ์ดี ไปยังแหล่งการเพาะปลูกในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย สำหรับลักษณะรูปสามเหลี่ยมนั้นมีความหมายถึงการเชื่อมโยงระหว่างการวิจัย การศึกษา และการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรทั่วไป

ข้อ 3 สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ เลขที่ 2143/1 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ข้่อ 4 วัตถุประสงค์ของสมาคม
 
4.1 เป็นศูนย์กลางในการติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในหมู่สมาชิก ผู้สนใจในวิทยาการเมล็ดพันธุ์ และวิทยาการแขนงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4.2 เป็นศูนย์กลางในการพบปะสังสรรค์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกผู้สนใจในวิทยาการ เมล็ดพันธุ์และวิทยาการแขนงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4.3 เป็นศูนย์กลางของความคิดเห็นเพื่อการพัฒนาทั้งในด้านวิทยาการเมล็ดพันธุ์ ธุรกิจอุตสาหกรรม เมล็ดพันธุ์ ศูนย์กลางของการให้บริการความรู้ทางวิทยาการเมล็ดพันธุ์ ให้คำปรึกษาเสนอแนะ ในธุรกิจและอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ งานบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบข้อบังคับของ ทางราชการ รวมทั้งบริการข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแก่ภาครัฐ ภาคเอกชน สมาชิกสมาคมและ ประชาชนผู้สนใจทั่วไป
4.4 ประสานงานกับหน่วยราชการ องค์การรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นๆ ตลอดจนภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงพันธุ์พืช การผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ทั้งภายในและต่างประเทศ สมาคมจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและจะไม่จัดตั้งโต๊ะบิลเลียดในสถานที่ตั้ง ของสมาคม
 
ขึ้นด้านบน
หมวดที่ 2

สมาชิก
 
ข้อ 5 สมาชิกของสมาคมมี 2 ประเภท คือ
 
5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่
5.1.1 สมาชิกสามัญประเภทบุคคล ได้แก่ นักวิชาการ นักศึกษา ข้าราชการ นักธุรกิจ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ และผู้สนใจทั่วไป สมาชิกสามัญประเภทบุคคลอาจจะเป็นสมาชิกประเภทรายปี หรือตลอดชีพก็ได้
5.1.2 สมาชิกสามัญประเภทองค์กร ได้แก่ องค์กร สถาบัน ที่สนใจกิจกรรมเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ บริษัท ร้านค้า และหน่วยงานราชการ สมาชิกประเภทองค์กรจะต้องเป็นสมาชิกตลอดชีพ
5.2 สมาชิกกิตติมาศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการะคุณแก่สมาคม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
ข้อ 6 สมาชิกจะต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
 
6.1 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ
6.2 เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
6.3 ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
6.4 ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก ในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น
6.5 ถ้าเป็นองค์กรหรือสถาบันต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
ข้อ 7 ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม
 
7.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่
7.1.1 ประเภทบุคคลรายปี ต้องเสียค่าลงทะเบียนแรกเข้า 50 บาท และค่าบำรุงรายปีๆ ละ 100 บาท สำหรับสมาชิกสามัญประเภทบุคคลตลอดชีพ เสียค่าลงทะเบียนแรกเข้า 50 บาท และค่าบำรุงรายละ 500 บาท
7.1.2 สมาชิกสามัญประเภทองค์กรหรือนิติบุคคล ต้องเสียค่าลงทะเบียนแรกเข้าและ ค่าบำรุง 5,000 บาท หลังจากนั้นจะต้องเสียค่าบำรุงประจำปีๆ ละ 2,500 บาท เพื่อรักษาสมาชิกภาพ
ข้อ 8 การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 1 คน แล้วให้เลขาธิการนำใบสมัครเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคม เพื่อพิจารณาการรับสมัคร ผลเป็นประการใด ให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว
ข้อ 9 วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก
ข้อ 10 สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่ วันที่สมาคมได้รับหนังสือตอบรับจากผู้ที่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
ข้อ 11 สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้
 
11.1 ตาย
11.2 ลาออก โดยยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการและคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นไม่มีหนี้สินติดค้างกับสมาคม
11.3 ขาดคุณสมบัติสมาชิก
11.4 ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม หรือคณะกรรมการได้พิจารณาให้ออกจากสมาคม
ข้อ 12 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
 
12.1 มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน
12.2 มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ
12.3 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่างๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
12.4 มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม
12.5 สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่างๆ ในที่ประชุมได้คนละ 1 คะแนนเสียง
12.6 มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม
12.7 มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้
12.8 มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
12.9 มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมเกียรติแห่งสมาชิกของสมาคม
12.10 มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่างๆ ของสมาคม
12.11 มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้ให้มีจัดขึ้น
12.12 มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
 
ขึ้นด้านบน
หมวดที่ 3

การดำเนินกิจการสมาคม
 
ข้อ 13 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่กำหนดนโยบายการดำเนินงานของสมาคมฯ งบประมาณรายจ่าย ควบคุมและกำกับการบริหารกิจการของสมาคม รวมทั้งการเงินการคลังให้เป็นไปตามแนวนโยบายที่กำหนด มีจำนวนอย่างน้อย 15 คน อย่างมากไม่เกิน 30 คน คณะกรรมการคณะนี้ได้มาโดยที่ประชุมใหญ่ของสมาคมเลือกตั้งจากสมาชิกสามัญ จำนวน 1 คน เป็นนายกสมาคม แล้วให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งต่างๆ ของสมาคมตามที่ได้กำหนดไว้ ตำแหน่งและหน้าที่กรรมการสมาคมโดยมีสังเขปดังต่อไปนี้
 
13.1 นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม
13.2 อุปนายกทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคม ในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติตามหน้าที่ ที่นายกสมาคมได้มอบหมาย และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม
13.3 เลขาธิการ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำสำนักงานสมาคม มีหน้าที่ควบคุมกำกับบังคับบัญชาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ บริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามกรอบนโยบาย และทำหน้าที่เลขานุการในการประชุมต่างๆ ของสมาคม
13.4 เหรัญญิก มีหน้าที่ควบคุมตรวจสอบการบริหารการเงินของสมาคม และตรวจสอบรับรองบัญชีงบดุลของสมาคม
13.5 ปฏิคม มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการให้การต้อนรับแขกของสมาคม และสร้างสื่อสัมพันธ์ระหว่างสมาคมกับสมาชิก และองค์กรที่เกี่ยวข้องต่างๆ
13.6 นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคม การจัดทำบัตรประจำตัวสมาชิก ประวัติสมาชิก และตรวจสอบสมาชิกภาพของสมาชิก
13.7 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิก และบุคคลทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
13.8 กรรมการ ตำแหน่งอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้น โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้ว จะต้องไม่เกินจำนวนข้อบังคับที่กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
ข้อ 14 คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดได้คราวละ 2 ปี และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่รับอนุญาตให้จดทะเบียน จากทางราชการก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระ รักษาการไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการ ชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่า และคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
ข้อ 15 ตำแหน่งกรรมการสมาคม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้ง สมาชิกสามัญคนหนี่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น
ข้อ 16 กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช้เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ
 
16.1 ตาย
16.2 ลาออก
16.3 ขาดจากสมาชิกภาพ
16.4 ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง
ข้อ 17 กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ให้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก
ข้อ 18 อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
 
18.1 มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติโดยระเบียบนั้นจะต้องไม่ขัด ต่อข้อบังคับฉบับนี้
18.2 มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
18.3 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการ จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
18.4 มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
18.5 มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับ
18.6 มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
18.7 มีหน้าที่รับผิดขอบในการบริหารกิจการทั้งหมดของสมาคม รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินทั้งหมด ของสมาคม และอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีภายในไม่เกินเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี
18.8 มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน 1 ใน 3 ของสมาชิก ทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับ หนังสือร้องขอ
18.9 มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรม ต่างๆ ของสมาคมให้ถูกต้องและสามารถให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
18.10 จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆ ของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้ รับทราบ
18.11 มีหน้าที่อื่นๆ ตามข้อบังคับได้กำหนดไว้
ข้อ 19 คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม
ข้อ 20 การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 21 ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในทีประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น
 
ขึ้นด้านบน
หมวดที่ 4

การประชุมใหญ่
 
ข้อ 22 การประชุมใหญ่ของสมาคมมี 2 ชนิด คือ
 
22.1 ประชุมใหญ่สามัญ
22.2 ประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ 23 คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีๆ ละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี และจะต้องนำเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีที่คณะกรรมการบริหารเห็นชอบ เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีให้การรับรอง
ข้อ 24 การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นได้โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วย การเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดร้องขอต่อคณะกรรมการ
ข้อ 25 การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้สมาชิกได้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน ทั้งนี้ จะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนถึงการประชุมใหญ่
ข้อ 26 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
 
26.1 แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี
26.2 แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ
26.3 รับรองงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสมาคม
26.4 เลือกตั้งสมาชิก 1 คน เป็นนายกสมาคมเมื่อครบกำหนด
26.5 เลือกผู้สอบบัญชี
26.6 เรื่องอื่นๆ ถ้ามี
ข้อ 27 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 40 คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ก็ให้ขยายเวลาออกไปอีกพอสมควร แต่เมื่อครบกำหนดเวลาที่ขยายออกไปแล้วยังมีสมาชิกสามัญ เข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุมก็ให้เลื่อนการประชุมคราวนั้นไป และให้จัดประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากเวลาได้ล่วงเลยมาแล้วไม่น้อยกว่า 15 วัน แต่จะต้องไม่เกิน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้เลื่อน การประชุมในครั้งแรก การประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม สำหรับการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก หากมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหม่ให้ถือว่าการประชุมนั้น เป็นอันยกเลิก
ข้อ 28 การลงมติต่างๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 29 ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง ให้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมคราวนั้น
 
ขึ้นด้านบน
หมวดที่ 5

การเงินและทรัพย์สิน
 
ข้อ 30 การเงินและทรัพย์สินทั้งหมด ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคม ถ้ามีให้นำฝากธนาคารออมสินสาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ธนาคารใดธนาคารหนึ่ง หรือมากกว่าธนาคารตามความจำเป็น เพื่อความสะดวกในการบริหารการเงิน
ข้อ 31 การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของผู้มีอำนาจอย่างน้อย 2 ใน 3 พร้อมประทับตราสมาคมจึงจะถือว่าใช้ได้ ดังนี้
 
31.1 กรณีเบิกเงินจากเงินงบกลางของสมาคม ซึ่งอยู่ในความดูแลของเหรัญญิก เพื่อใช้จ่ายเป็นเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสมาคม หรือเบิกเงินงบประมาณ ซึ่งตั้งสำรองเพื่อการฉุกเฉินไว้ในแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืองบเงินที่อยู่ในอำนาจของนายกสมาคม หรืออำนาจของคณะกรรมการสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อนายกสมาคม หรือผู้รักษาการแทนนายกสมาคมร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขาธิการสมาคม
31.2 กรณีเบิกจ่ายเงินซึ่งตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามมติเห็นชอบของคณะกรรมการรับรอง โดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี ซึ่งอยู่ในอำนาจของผู้จัดการสมาคม ให้ผู้จัดการสมาคมหรือผู้รักษาการแทน ลงนามร่วมกับเจ้าหน้าที่สมาคมผู้ทำหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ผู้จัดการสมาคมเห็นสมควรมอบหมายให้ลงนาม
ข้อ 32 ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งไม่เกิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ทั้งนี้ ภายในกรอบของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่
ข้อ 33 ให้ฝ่ายการเงินของสำนักสมาคม มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน 5,000 บาท (ห้าพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันที
ข้อ 34 ให้ผู้จัดการสมาคม มีอำนาจอนุมัติเบิกจ่ายเงินตามกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้ในวงเงินครั้งละไม่เกิน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน)
ข้อ 35 ฝ่ายบัญชีการเงินของสมาคม จะต้องจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายและงบดุลให้ถูกต้อง การจัดเก็บ เอกสารเบิกจ่าย รายรับ ออกใบเสร็จรับเงินโดยให้อยู่ภายใต้การดูแลตรวจสอบของเหรัญญิกสมาคม
ข้อ 36 ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารเกี่ยวกับการเงิน และทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และเชิญกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม เพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้
ข้อ 37 คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการขอร้อง
 
ขึ้นด้านบน
หมวดที่ 6

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการยกเลิกสมาคม
 
ข้อ 38 ข้อบังคับของสมาคม จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกสามัญทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 40 คน มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ 39 การยกเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ 40 เมื่อสมาคมต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของกรมส่งเสริมการเกษตร
 
ขึ้นด้านบน
หมวดที่ 7

บทเฉพาะกาล
 
ข้อ 41 ข้อบังคับฉบับแก้ไขนี้ให้เริ่มใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่
ข้อ 42 เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการ ก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมดเป็นสมาชิกสามัญ และรักษาการในตำแหน่งกรรมการของสมาคมเพื่อรับสมัครสมาชิก และเมื่อรับสมัครสมาชิกสามัญได้จำนวนพอสมควรก็ให้จัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้น เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการชุดแรกของสมาคม แต่ทั้งนี้จะต้องดำเนินการจัดประชุมใหญ่ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
 
ขึ้นด้านบน
 
หากต้องการส่งจดหมายเพื่อติดต่อกับสมาคมฯ โปรดจ่าหน้าซองจดหมาย ดังนี้
สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย
ตู้ ปณ.1016 ปณฝ.เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10903
ขอสงวนสิทธิ์ในการนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้เผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต จัดทำและดูแลโดย www.bunnybua.com